วันนี้ครูโบว์มาเเบ่งปันวิธีง่ายๆที่คุณพ่อคุณแม่เริ่มต้นสอนลูกได้ตั้งแต่อยู่ที่บ้าน รับประกันว่าได้ผล และเป็นวิธีที่สร้างความสัมพันธ์ทำกิจกรรมร่วมกันใช้เวลากับลูกรักให้คุ้มค่าและเป็นประโยชน์ต่ออนาคตลูกน้อยนะคะ
🏆 เริ่มที่วัย 0-2 ขวบ
มีขั้นตอนง่ายๆดังนี้
1. เปิดเพลงภาษาอังกฤษเพิ่มการรับรู้เรื่องหน่วยเสียงย่อยในภาษาอังกฤษเข้าไป ช่วงวัย 0-2 ขวบ เป็นวัย preschoolers (วัยก่อนเข้าโรงเรียน) หรือ toddlers (วัยกำลังหัดเดิน) คุณพ่อคุณแม่เน้นให้ลูกใช้การฟังเป็นหลัก ยังไม่ดูจอนะคะ เพราะเด็กวัยนี้ต้องการสัมผัสหรือพัฒนาระบบประสาทและสมองจากสิ่งที่จับต้องมองเห็นได้ เด็กๆตอบสนองได้ดีกับเพลง หรือเสียงที่ช้าๆ ชัด หรือสิ่งที่มีการเคลื่อนไหวช้าๆ มากกว่าการเห็นสีสันและการเคลื่อนที่เร็วๆบนหน้าจอ
เพลงที่ให้ฟังบ่อยๆ จะเป็นเพลงที่เน้นการสร้าง Phonemic Awareness (การรับรู้หน่วยเสียงย่อย) ให้ลูกได้ชินกับการเปล่งเสียง การรับรู้เสียงย่อยของภาษาอังกฤษ เพลงเกี่ยวกับ Phonemic Awareness ใครที่อยากตามเข้าไปอ่านบทความเรื่อง phonemic awareness เต็มๆได้ที่นี่
ช่องที่ครูโบว์แนะนำคือ เพลงโฟนิกส์ในตำนาน ที่มีเนื้อเพลงและจังหวะช้าๆ
✅เพลงที่ 1
ช่องของ KidsTV123
✅ เพลงที่ 2
ช่องของคุณครูท่านนี้ Patty Shukla Kids TV
✅ เพลงที่ 3
เพลง 26 เสียง 26 ตัวอักษรของครูโบว์เองค่า
นอกจากการฟังเพลงที่เกี่ยวกับหน่วยเสียงย่อยในภาษาอังกฤษเเล้ว
2. การร้องและฟังเพลง nurseryrhymes ทำให้เด็กได้รู้จักการออกเสียงภาษาอังกฤษ และจังหวะ rhyme ของคำภาษาอังกฤษในเพลงทำให้เรียนรู้เรื่องเสียง ต้องช่องนี้เลย
✅Super Simple Songs – Kids Songs
เพลงที่ครูโบว์แนะนำ Down By The Bay
✅เพลง Hickory Dickory Dock – The Kiboomers
✅เพลง Rain Rain Go Away | Super Simple Songs | Sesame Street Nursery Rhyme Week
✅เพลง Apples & Bananas
✅เพลง Miss Polly Had a Dolly – The Kiboomers Preschool Songs & Nursery Rhymes for Circle Time
✅เพลง Who Took The Cookie?
3. ใช้ letterblocks ตัวอักษร a-z ให้ลูกได้ฝึกจับเพื่อสร้างความคุ้นชิน ว่าภาษาอังกฤษคือสิ่งที่จับต้องมองเห็นได้
4. ทำการ์ดคำศัพท์ง่ายๆ การ์ด a-z ให้ลูกได้เห็น จับ และฝึกอ่านเป็น Phonics เช่น a แอะ แอะ ant b เบอะ เบอะ bat dog, cat, rat ทำกิจกรรมกับลูกโดยให้ลูกหาคำศัพท์ จากนั้นออกเสียงต้น เสียงกลาง และเสียงท้าย เช่น cat ออกเสียง เขอะ แอะ ถึ = แคทถึ ใช้นิ้วมือเป็นการนับจำนวนเสียงของคำแต่ละคำด้วย
ครูโบว์มีไฟล์เเฟลชการ์ดให้โหลดฟรีสำหรับท่านที่สนใจ add LINE: @engbrain ทักมาขอไฟล์เเฟลชการ์ดฟรีนะคะ พิมพ์ engbrain99 มีให้ 40 คำ และพิมพ์ cvc100 โปสเตอร์ cvc กว่า 100 คำพร้อมเเจกเลย
🏆 ช่วงวัย 3-5 ขวบ
วัยนี้สามารถมีปฎิสัมพันธ์ุ และเลียนแบบท่าทางการใช้อวัยวะ และการเคลื่อนไหวได้ดี ให้เด็กๆเริ่มดูจอและใช้ทักษะ multisensory learning การเรียนรู้แบบพหุสัมผัสได้
ขั้นตอนของการฝึกเด็กวัยนี้
1. ใช้เพลงโฟนิกส์ที่มีท่าทางประกอบจะทำให้น้องจำหน่วยเสียงย่อยได้เร็วค่ะ และการให้น้องเต้น ร้องเพลง และออกเสียงตาม
✅Super Simple Songs – Kids Songs
เพลงที่ครูโบว์แนะนำ Down By The Bay
✅เพลง Phonics 44 เสียง พร้อมท่าเต้น จังหวะเร็ว
2. ให้เชื่อมโยงเสียงในภาษาอังกฤษกับสิ่งของในชีวิตประจำวัน เด็กวัยนี้จะจำตัวอักษร a-z ได้บ้างเเล้วจากช่วงวัยสองขวบที่ได้มีโอกาสเล่น flashcard หรือดู poster ติดผนังที่บ้าน เราจะฝึกเพิ่มความจำให้ลูกด้วยการให้คุณพ่อคุณแม่ประยุกต์จากสิ่งรอบตัวเข้ากับภาษาอังกฤษมากที่สุด เช่นเมื่อออกไปข้างนอก สามารถฝึกลูกโดยการสังเกต ป้าย ประกาศต่างๆ หรือชื่อของร้านต่างๆ และถามคำถามว่า ตัวอักษรนั้นมีเสียงอะไร เช่น เห็นคำว่า zoo ตัวอักษรที่ขึ้นต้นในคำนั้นๆมีเสียงของพยัญชนะใด ออกเสียงแบบใดนะ ลูกก็จะฝึกพูด ซึ ซึ ซูววว (สั่นที่ลำคอ) มีคำไหนบ้างที่ออกเสียงนั้นอีกบ้างน้า เช่น zero zip ซึ่งเรายังคงใช้หลัก phonemic awareness กับเด็กวัยนี้อยู่ค่ะ
3. เล่นเกมส์กับลูกเวลาว่าง เช่น Board games, Word games, Action Games, I spy with my little eye something begining with ___. และให้ลูกมองไปรอบๆตัวเอง และตอบคำถามว่าเห็นอะไรบ้างที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรนั้นๆ พ่อแม่สามารถถามว่า คำศัพท์นั้นๆ ขึ้นต้นด้วยเสียงอะไร ลงท้ายด้วยเสียงอะไร คำว่าอะไรที่มีเสียงคล้องจองกับคำที่กำหนดให้ วิธีนี้จะทำให้ลูกฝึกสังเกต และรักการอ่าน อ่านได้ดีมากขึ้น
4. พาลูกเล่นเกมส์จับคู่คำศัพท์ หาคำศัพท์ สร้างคำศัพท์ออนไลน์ หรือทำเป็นแฟลชการ์ดเพิ่มเติมเพื่อสร้างความจำให้แก่ลูกมากขึ้น โดยเเฟลชการ์ดที่ครูโบว์ใช้สอนเด็กมีมากถึง 1,200 คำเลย ซึ่งวัย 3-8 ขวบเป็นวัยที่สามารถมีทักษะตรงนี้จน decodable readers นักถอดรหัสการอ่านออกเสียงได้ค่ะ
5. เป็นต้นแบบในการอ่านให้ลูก พกหนังสือเล่มเล็ก นิทาน นิยาย ติดตัวตลอดเวลาออกไปยังสถานที่ข้างนอก เช่น สวนสาธารณะ การไปเที่ยวต่างจังหวัดให้หมั่นพกหนังสือไปอ่านด้วยค่ะ และเวลาสำคัญที่สุดที่เราจะใช้กับลูกคือการอ่านหนังสือก่อนนอน ให้เราวางหนังสือไว้บนหัวนอน ให้ลูกรู้สึกคุ้นชิน และพร้อมที่จะอ่านกับคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยกัน เป็นการสร้างนิสัยการอ่านที่ดี
🏆 ช่วงวัย 6-12 ขวบ
หลังจากเน้นฟังพูด เรื่องเสียงในภาษาอังกฤษพอสมควรเด็กวัยนี้เค้าพร้อมอ่าน และเป็นนักถอดรหัสอ่านออกเสียงในคำ 1-3 พยางค์ได้ง่ายๆ ที่สำคัญมีความสามารถในการเขียน และใช้กล้ามเนื้อมือได้ดี ต้องพัฒนาให้ได้อ่านและเขียนมากขึ้น
ขั้นตอนของการฝึกเด็กวัยนี้
1. ทบทวนกิจกรรมในวัย 3 ถึง 5 ขวบ ข้อ 1 ถึง 5 ให้ทำซ้ำและวนกลับมาฝึกกับลูกอีก
2. ถามคำถามจากการอ่านหนังสือ เริ่มจากคำถาม detail
Who what where when why how
ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร
ฝึกการพูดตาม ตอบคำถาม สนทนาและจับใจความไปพร้อมๆกัน
3. พาลูกฝึกเขียนให้มากขึ้น ทั้งเล่นเกมใช้กระดานเขียน เขียนบนไวท์บอร์ด สอบเขียนตามคำบอก และเขียนบนเเบบฝึกหัด
4. อดทนและ enjoy ไปกับลูกในสิ่งที่ทำ เด็กแต่ละวัยก็มีวิธีการเรียนรู้คนละแบบ บ้านไหนที่เริ่มสอนลูกช้า มาถึงช่วงวัย 6-12 ขวบ ก็ไม่มีคำว่าสายไปค่ะ
ช่วงเเรกลูกยังจำตัวอักษรไม่ได้ ลูกยังอ่านไม่ออกเขียนสะกดคำไม่เป็น ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่เน้นเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดให้ลูกก่อน ใช้เสียงเปล่งเสียงพูดภาษาอังกฤษให้มากที่สุดก่อน และลูกๆของเราจะเลียนแบบพฤติกรรมเราหรือคนใกล้ชิดได้ดีที่สุด เหมือนที่ครูโบว์พูดไว้เสมอ
Kids are great imitators, so give them something great to imitate.
เด็กเป็นนักเลียนแบบที่ยอดเยี่ยม เราจงมอบสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้เค้าได้เลียนแบบ 💖💖
“หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ คุณพ่อคุณเเม่นำไปสอนลูกและเห็นพัฒนาการเห็นการเติบโตของเค้าไปด้วยกันนะคะ
แล้วปัญหาเด็กไทยอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้มันจะหมดไป”
ด้วยรักจากใจ
ครูโบว์
#เทคนิคการสอนโฟนิกส์ #อ่านภาษาอังกฤษ #อ่านออกเขียนได้ #โฟนิค #phonemicawareness #เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ #เด็กสองภาษา